น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขดำเนินโครงการช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กรณีประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในประเทศไทยเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเมืองไทยปลอดภัยหากเดินทางมาท่องเที่ยวแล้วนักท่องเที่ยวจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยโดยจะใช้จ่ายงบประมาณ รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 50 ล้านบาท ในการดำเนินโครงการฯ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุหรือเสียชีวิตสามารถยื่นขอรับเงินเยียวยาได้ตั้งแต่วันที่ 1ม.ค.-31 ส.ค. 67 โดยมีอัตราชดเชยกรณีเสียชีวิต วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท สูญเสียอวัยวะถาวร ดวงตา และทุพพลภาพถาวร เหมาจ่าย 300,000 บาท ส่วนค่ารักษาพยาบาลจ่ายตามจริงไม่เกิน 500,000 บาท โดยผู้ยื่นคำขอต้องถือพาสปอร์ต ที่ลงตราประเภทนักท่องเที่ยว มิใช่ประกอบอาชีพหรือหารายได้ โดยสามารถยื่นคำขอได้ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ตลอดจนทางไปรษณีย์ และอีเมลที่กำหนด
ขณะที่การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหรือค่าเหยียบแผ่นดินยืนยันว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังไม่ได้ยกเลิกการจัดเก็บ แต่ในระยะใกล้จะยังไม่มีการจัดเก็บ เนื่องจากตอนนี้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 และภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์สำคัญสร้างรายได้โดยรัฐบาลมีเป้าหมายที่กำหนดไว้35ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทย205 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้รวม3.5ล้านล้านบาท
นายมงคล วิมลรัตน์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าว เชื่อว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ภาคเอกชนในการรับดูแลรักษาผู้ป่วยที่เข้ามาได้ ถือเป็นการยกระดับการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ตั้งเป้าหมายดึงดูดให้เข้ามาเที่ยวไทยทั้งปี 2567 อยู่ที่ 35 ล้านคน โดยได้จัดทำระบบ Thailand Traveller Safety หรือ TTS เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้เดินทางชาวต่างชาติ สามารถลงทะเบียนออนไลน์ก่อนการเดินทางเข้าไทย ซึ่งจะคัดกรองนักท่องเที่ยวที่มีสิทธิขอรับการช่วยเหลือเยียวยาได้ในเบื้องต้น
ทั้งนี้กรณีนักท่องเที่ยวเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถประสานผ่านศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (ทีเอซี) ตำรวจท่องเที่ยวหมายเลข 1155 หรือประสานผ่านเลขหมาย 1669 เนื่องจากได้บูรณาการทำงานร่วมกันของแต่ละฝ่าย ให้มีความพร้อมในการให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ให้ได้รับการบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่รวดเร็ว มีคุณภาพ และเป็นการส่งเสริมการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐานระดับประเทศและสากลด้วย
“งบประมาณ 50 ล้านบาท มาจากสถิติการใช้จ่ายเพื่อดูแลรักษานักท่องเที่ยวต่างชาติ ในกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่อยู่ประมาณไม่เกิน 50 ล้านบาท อาทิ ปี 2561 อนุมัติการรักษา 103 ราย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 52 ล้านบาท”
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า สพฉ. ได้เสนอให้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินที่เกิดจากการท่องเที่ยว เพื่อเป็นศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในด้านการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ถือเป็นการยกระดับการแพทย์ฉุกเฉินที่ดูแลคนไทยมาดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ด้วยคำพูดจาก pg เว็บตรง